OpenAI ประกาศขยายการให้บริการฟีเจอร์ Deep Research ที่เคยจำกัดเฉพาะผู้ใช้ระดับ Pro ให้กับผู้ใช้แบบเสียเงินทุกประเภท ทั้งระดับ Plus, Team, Edu และ Enterprise ฟีเจอร์นี้ใช้โมเดล o3 reasoning ของ OpenAI ในการทำงานวิจัยแบบหลายขั้นตอน รวมถึงการค้นหาข้อมูลบนเว็บ วิเคราะห์ข้อมูล และสร้างรายงานแบบละเอียด ผู้ใช้สามารถป้อนคำถามและแนบไฟล์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ AI สร้างรายงานที่มีการอ้างอิงแหล่งที่มาอย่างชัดเจน
การขยายบริการครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงความสามารถในการทำวิจัยระดับมืออาชีพได้ง่ายขึ้น โดยสามารถสร้างรายงานที่มีการอ้างอิงและรูปภาพประกอบ สำหรับแผนการใช้งานแบบมาตรฐานจะได้โควต้า 10 คำถามต่อเดือน ในขณะที่ผู้ใช้ระดับ Pro จะได้ถึง 120 คำถามต่อเดือน การตอบกลับอาจใช้เวลาถึง 30 นาที ฟีเจอร์นี้เหมาะสำหรับผู้ใช้ในด้านการเงิน วิทยาศาสตร์ นโยบาย วิศวกรรม และนักวิจัยที่ต้องการข้อมูลที่แม่นยำและน่าเชื่อถือ
OpenAI มีแผนพัฒนาฟีเจอร์ Deep Research เพิ่มเติม โดยจะเพิ่มความสามารถในการแสดงรูปภาพและการแสดงข้อมูลแบบ visualization รวมถึงกำลังพิจารณาเพิ่มจำนวนโควต้าคำถามและขยายการเข้าถึง ในขณะเดียวกัน คู่แข่งอย่าง Google Gemini AI ก็มีฟีเจอร์การค้นคว้าที่คล้ายกันในราคาที่ถูกกว่า โดยคิดค่าบริการเพียง 20 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 700 บาท) ต่อเดือน พร้อมการใช้งานแบบไม่จำกัดจำนวนคำถาม แม้ว่า Deep Research ของ OpenAI จะมีความลึกในการวิเคราะห์ที่เหนือกว่า แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องจำนวนคำถามและเวลาในการประมวลผลที่นานกว่า
ที่มา: Tom’s Guide, OpenTools.ai