Nintendo Switch 2 ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าจะมาพร้อมเทคโนโลยี DLSS (Deep Learning Super Sampling) และ Ray Tracing จาก NVIDIA โดยความสามารถทั้งสองนี้เป็นส่วนหนึ่งของชิปประมวลผลพิเศษ (SoC) จาก NVIDIA ซึ่งตอกย้ำความร่วมมือระหว่าง Nintendo และ NVIDIA ที่เคยพัฒนา Switch รุ่นแรกร่วมกัน อย่างไรก็ตาม แม้จะยืนยันความสามารถเหล่านี้แล้ว แต่ Nintendo ยังคงไม่เปิดเผยรายละเอียดสเปคฮาร์ดแวร์ของ Switch 2 โดยเน้นไปที่ประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับและเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา
การเพิ่มเทคโนโลยี DLSS และ Ray Tracing ถือเป็นการยกระดับประสิทธิภาพและความสามารถด้านกราฟิกอย่างมีนัยสำคัญ DLSS ใช้ Tensor Cores ของ NVIDIA เพื่อปรับปรุงภาพให้มีความละเอียดสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้ Switch 2 สามารถแสดงผลระดับ 4K เมื่อต่อกับจอภายนอก และรักษาอัตราเฟรมสูงในโหมดพกพา ส่วน Ray Tracing ที่ทำงานผ่าน RT Cores ของ NVIDIA จะช่วยเพิ่มความสมจริงของแสงและเงาสะท้อนในเกม เปิดโอกาสให้นักพัฒนาสร้างสรรค์เกมได้หลากหลายมากขึ้น สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ Nintendo ที่ต้องการยกระดับประสบการณ์เกมโดยไม่จำเป็นต้องเปิดเผยสเปคทางเทคนิคโดยละเอียด
นอกจากความสามารถด้านกราฟิกขั้นสูงแล้ว Switch 2 ยังมาพร้อมหน้าจอ LCD ขนาด 7.9 นิ้วที่รองรับ HDR ซึ่งแตกต่างจากจอ OLED ในบางรุ่นของ Switch รุ่นแรก เครื่องมีพอร์ต USB-C สองช่อง โดยมีเพียงพอร์ตด้านล่างเท่านั้นที่รองรับการส่งสัญญาณวิดีโอออก ระบบยังมาพร้อมจอแสดงผลที่มีอัตรารีเฟรชแบบปรับเปลี่ยนได้ (VRR) ขับเคลื่อนด้วย G-Sync ในโหมดพกพา ซึ่งช่วยลดปัญหาภาพกระตุก และมีความสามารถด้าน AI สำหรับฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การติดตามใบหน้าและการลบพื้นหลังในฟีเจอร์ GameChat ทั้งนี้ Nintendo เน้นย้ำถึงคุณค่าที่เครื่องมือเหล่านี้จะมอบให้กับผู้บริโภคและนักพัฒนา โดยมุ่งเน้นที่การส่งมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีขึ้น โดย Switch 2 มีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 5 มิถุนายนนี้ ในราคา 449.99 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 16,300 บาท)
ที่มา: Tom’s Hardware