Microsoft กำลังเพิ่มขีดความสามารถด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างมีนัยสำคัญเพื่อลดการพึ่งพา OpenAI และเตรียมแข่งขันโดยตรงในตลาด AI ความเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์นี้รวมถึงการพัฒนาโมเดล AI ของตัวเองที่เรียกว่าตระกูล MAI ซึ่งแสดงผลลัพธ์ที่น่าสนใจในการทดสอบล่าสุด โมเดลเหล่านี้กำลังได้รับการประเมินว่าจะใช้แทนเทคโนโลยีของ OpenAI ในผู้ช่วย AI Copilot ของ Microsoft เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ
พัฒนาการสำคัญในกลยุทธ์ AI ของ Microsoft
โมเดล AI ที่พัฒนาเอง: โมเดล MAI ของ Microsoft ถูกออกแบบให้ทำงานได้คล้ายกับโมเดลชั้นนำของ OpenAI อย่าง GPT แต่มีต้นทุนที่ต่ำกว่า ประเด็นนี้สำคัญมากเนื่องจากมีข่าวลือว่า AI เอเจนท์ใหม่ของ OpenAI อาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึงเดือนละ 20,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 700,000 บาท) ทำให้โซลูชัน AI ที่ Microsoft พัฒนาเองมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า
การกระจายความร่วมมือ: นอกเหนือจากการพัฒนาโมเดลของตัวเองแล้ว Microsoft ยังกำลังสำรวจความร่วมมือกับบริษัท AI อื่น ๆ เช่น xAI, Meta และ DeepSeek การกระจายความร่วมมือนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้าน AI ของ Microsoft ขณะเดียวกันก็ลดการพึ่งพาพาร์ทเนอร์รายใดรายหนึ่ง
ผู้นำและวิสัยทัศน์: ภายใต้การนำของ Mustafa Suleyman ที่เข้าร่วม Microsoft ในปี 2024 ในฐานะหัวหน้าแผนก AI บริษัทกำลังเร่งการพัฒนา AI ภายในองค์กร วิสัยทัศน์ของ Suleyman เน้นการพัฒนาเทคโนโลยีกรรมสิทธิ์ขณะยังคงรักษาระบบนิเวศแบบร่วมมือ ทำให้ Microsoft อยู่ในตำแหน่งที่แข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในภูมิทัศน์ AI ที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ผลกระทบและแนวโน้มในอนาคต
การที่ Microsoft พัฒนาโมเดล AI ของตัวเองและแสวงหาความร่วมมือที่กว้างขวางขึ้นอาจนำไปสู่นวัตกรรมที่เพิ่มขึ้นในภาคส่วน AI การแข่งขันนี้อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคและธุรกิจด้วยการนำเสนอเทคโนโลยี AI ที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้นในราคาที่อาจต่ำลง อย่างไรก็ตาม ยังมีคำถามเกี่ยวกับอนาคตของความร่วมมือระหว่าง Microsoft กับ OpenAI และผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ที่ปัจจุบันพึ่งพาเทคโนโลยีของ OpenAI
ที่มา: Perplexity AI