Apple ได้เปิดตัวโมเด็มเซลลูลาร์ตัวแรกที่พัฒนาขึ้นเองภายในบริษัท เรียกว่า C1 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ทำให้ไม่ต้องพึ่งพาชิป 5G จาก Qualcomm สำหรับ iPhone อีกต่อไป โดย C1 โมเด็มนี้ได้ถูกติดตั้งใน iPhone 16e รุ่นใหม่ ซึ่งมาแทนที่ไลน์ iPhone SE และถูกยกให้เป็นโมเด็มที่มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานดีที่สุดที่เคยใช้ใน iPhone
C1 ถูกออกแบบมาเพื่อให้การเชื่อมต่อ 5G ที่เร็วและเสถียร พร้อมอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยอดเยี่ยม โดย iPhone 16e ที่ใช้ C1 สามารถเล่นวิดีโอได้นานถึง 26 ชั่วโมง ซึ่งดีกว่ารุ่นก่อนๆ อย่างมาก ความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากการผสานการทำงานระหว่าง C1 กับชิปประมวลผลของ Apple อย่างแนบแน่น นอกจากนี้ C1 ยังมาพร้อมระบบ GPS และการเชื่อมต่อผ่านดาวเทียมแบบกำหนดเอง แต่ยังไม่รองรับเครือข่าย 5G มิลลิมิเตอร์เวฟ (mmWave) ซึ่งยังคงเป็นจุดเด่นของ Qualcomm
Apple มีแผนที่จะพัฒนาเทคโนโลยี C1 ต่อไป โดยเวอร์ชันในอนาคตคาดว่าจะถูกรวมเข้ากับชิปประมวลผลหลัก System-on-Chip (SoC) เช่น A-series และอาจรวมถึง M-series ที่ใช้ใน Mac ด้วย การผสานรวมนี้อาจทำให้อุปกรณ์อย่าง MacBook มีการเชื่อมต่อเซลลูลาร์ได้ อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อจำกัดปัจจุบันของ C1 ทำให้ iPhone รุ่นไฮเอนด์ยังคงต้องใช้ชิป Qualcomm ต่อไป ทั้งนี้ Apple กำลังพัฒนาชิปโมเด็มรุ่นต่อไปอย่าง C2 และ C3 ซึ่งคาดว่าจะมีประสิทธิภาพและความสามารถที่ดีขึ้น
การเปิดตัว C1 โมเด็มถือเป็นกลยุทธ์สำคัญของ Apple ในการลดการพึ่งพาซัพพลายเออร์ภายนอกอย่าง Qualcomm ซึ่งอาจช่วยประหยัดค่าลิขสิทธิ์ได้ การเคลื่อนไหวนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ Apple ในการควบคุมการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ในอุปกรณ์ของตนเอง คล้ายกับการเปลี่ยนไปใช้ Apple Silicon ใน Mac นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างนวัตกรรมและความแตกต่างในตลาดสมาร์ทโฟนที่มีการแข่งขันสูง
ที่มา: MacRumors