Apple TV+ กำลังประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก สูญเงินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 35,000 ล้านบาท) ต่อปี แม้จะมีซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จอย่าง Severance และ Ted Lasso ด้วยภาวะขาดทุนจำนวนมหาศาลนี้ ทำให้ Apple ตัดสินใจลดงบประมาณสำหรับเนื้อหาลงปีละ 500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 17,500 ล้านบาท) จาก 5 พันล้านดอลลาร์ เหลือ 4.5 พันล้านดอลลาร์ แม้จะประสบปัญหาขาดทุน แต่ Apple TV+ ก็มีผู้สมัครสมาชิกเกือบถึง 45 ล้านคนแล้ว ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่น่าสนใจในตลาดสตรีมมิ่งที่มีการแข่งขันสูง
บริการสตรีมมิ่งของ Apple มักถูกมองว่าเป็น “loss leader” คล้ายกับ Prime Video ของ Amazon นั่นหมายความว่า แม้ Apple TV+ จะไม่สร้างกำไรมากนัก แต่ก็เป็นฟีเจอร์ที่ดึงดูดผู้ใช้อุปกรณ์ Apple และช่วยเพิ่มคุณค่าโดยรวมให้กับระบบนิเวศของ Apple กำไรมหาศาลจากแผนกอื่นๆ ของ Apple โดยเฉพาะจากการขายฮาร์ดแวร์ ทำให้การขาดทุนจาก Apple TV+ ดูเล็กน้อยเมื่อเทียบกัน ทำให้บริการสตรีมมิ่งนี้เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์มากกว่าจะเป็นธุรกิจที่ต้องทำกำไรในตัวเอง
ในตลาดสตรีมมิ่งโดยรวม Apple TV+ ยังตามหลังยักษ์ใหญ่อย่าง Netflix และ Disney ในแง่ของจำนวนผู้สมัครสมาชิก โดย Netflix มีผู้สมัครสมาชิกมากกว่า 301 ล้านคน ขณะที่ Disney มีประมาณ 124.6 ล้านคน แม้จะตามหลังในเชิงปริมาณ แต่ Apple TV+ ได้รับการชื่นชมในด้านคุณภาพของเนื้อหา ที่นำเสนอละครและคอมเมดี้ที่เน้นการพัฒนาตัวละคร ซึ่งตอบโจทย์ผู้ชมเฉพาะกลุ่ม การที่ Apple TV+ เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณนั้นสอดคล้องกับโมเดลละครคุณภาพที่ HBO บุกเบิกไว้ ซึ่งอาจช่วยให้ Apple TV+ รักษาฐานผู้ชมที่ภักดีไว้ได้
ที่มา: Hindustan Times