Apple เจรจากับ Rapidus บริษัทผลิตชิปญี่ปุ่น หวังกระจายความเสี่ยงซัพพลายเชนและเสริมแกร่งโครงสร้างพื้นฐาน AI
มีรายงานว่า Apple กำลังอยู่ในช่วงเจรจากับ Rapidus บริษัทผลิตชิปสัญชาติญี่ปุ่น โดยมีเป้าหมายเพื่อกระจายความเสี่ยงของซัพพลายเชนการผลิตชิป และเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ของบริษัท ความร่วมมือนี้อาจทำให้ Rapidus กลายเป็นทางเลือกสำคัญแทน Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ซึ่งครองตำแหน่งผู้นำในการผลิตชิปมาอย่างยาวนาน โดย Rapidus ก่อตั้งขึ้นในปี 2022 ด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นและบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Sony และ Toyota มีแผนที่จะเริ่มการผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตรที่ทันสมัยในเชิงพาณิชย์ภายในปี 2027
การเจรจานี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะระหว่างจีนและไต้หวัน ซึ่งสร้างความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ด้วยความต้องการชิปที่รองรับแอปพลิเคชัน AI ที่เพิ่มขึ้น ความสนใจของ Apple ในบริษัท Rapidus จึงสะท้อนถึงการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์เพื่อให้ได้พันธมิตรด้านการผลิตที่เชื่อถือได้ รัฐบาลญี่ปุ่นได้ลงทุนประมาณ 2 แสนล้านเยน (ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท) เพื่อสนับสนุนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของ Rapidus รวมถึงการจัดหาอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการผลิตชิป 2 นาโนเมตร เช่น เครื่องลิโธกราฟฟีแสงอัลตราไวโอเลตแบบสุดขั้ว (extreme ultraviolet lithography) จาก ASML
Rapidus ได้เริ่มดำเนินการโรงงานผลิตแห่งแรกในฮอกไกโด ซึ่งเปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2025 โดยคาดว่าชิปต้นแบบจะพร้อมภายในกลางฤดูร้อน CEO ของ Rapidus คุณ Atsuyoshi Koike ได้ยืนยันว่าบริษัทกำลังเจรจากับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หลายแห่ง รวมถึง Google และ Amazon ควบคู่ไปกับ Apple สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของ Rapidus ในการเข้าสู่ตลาดชิปที่มีการแข่งขันสูง และสร้างตัวเองให้เป็นผู้เล่นที่สำคัญท่ามกลางการครองตลาดของ TSMC และ Samsung
หาก Apple ประสบความสำเร็จในการเป็นพันธมิตรกับ Rapidus อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพลวัตของอุตสาหกรรมชิประดับโลก โดยเปิดโอกาสให้ทั้งสองบริษัทลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมทางภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน และเพิ่มขีดความสามารถในเทคโนโลยี AI อีกสองสามปีข้างหน้าจะเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับ Rapidus ในการพยายามบรรลุเป้าหมายการผลิตและเสริมสร้างความแข็งแกร่งในตลาดที่มีการแข่งขันเพิ่มขึ้น
ที่มา: Best of AI | VOI | AppleMust | DigiTimes | iDrop News
